ขนส่งของหนัก ก่อนส่งต้องดูอะไรบ้าง และวิธีการคิดค่าขนส่ง

ขนส่งของหนัก เรียกว่าเป็นสินค้าชนิดที่เราต้องทำให้รอบก่อน ไม่เหมือนกับการส่งสินค้าทั่วไปที่ไม่ได้มีน้ำหนักมาก เพราะว่าสินค้าที่มีน้ำหนักมากนั้น อาจจะต้องส่งด้วยวิธีการที่ต่างจากสินค้าทั่วไป ต้องใช้รถที่พิเศษ หรือการห่อหุ้มที่ดีกว่า มีการรองด้วยพาเลทเพิ่มเติมหรือไม่ เป็นต้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสินค้าจะไม่เกิดความเสียหายขณะขนส่งก่อนถึงมือลูกค้า

แต่ก่อนอื่นอยากให้ทุกท่านรู้จักกับประเภทของสินค้าก่อน ว่าสินค้าแบบไหนที่เรียกว่าสินค้าที่มีน้ำหนักมาก และเป็นสินค้าขนาดใหญ่ รวมถึงวิธีการคำนวณค่าใช้จ่ายในการขนส่งด้วย เพื่อที่คุณจะได้เอาไปใช้วางแผนในการขนส่งได้ถูก

การจำแนกประเภทของพัสดุที่มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก

ในการจำแนกประเภทของพัสดุนั้น หากพัสดุชนิดใดก็ตามที่มีน้ำหนักถึงแต่ 23 กิโลกรัมขึ้นไป จะเรียกว่าเป็นสินค้าที่มีน้ำหนักมาก และหากเข้าข่ายพัสดุประเภทที่มีน้ำหนักมากเมื่อไหร่ การจัดส่งจะต้องเป็นไปตามข้อบังคับของการจัดส่งด้วย เพื่อให้สินค้าถูกจัดส่งอย่างปลอดภัย แต่ถ้าสินค้าชนิดใดที่มีน้ำหนักมากกว่า 70 กิโลกรัมขึ้นไป อาจจะต้องใช้พาเลทเข้ามาช่วยในการขนส่ง

ก่อนส่งสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง

  1. การจัดส่งสินค้าที่มีน้ำหนักมาก อาจจะต้องรอบคอบมากกว่าสินค้าทั่วไป และวางแผนให้ดี โดยสิ่งที่เราต้องเตรียมก็คือ
  2. การบรรจุหีบห่อ พัสดุที่มีน้ำหนักมาก การบรรจุหีบห่อก็ต้องแข็งแรงด้วย และกล่องที่ใช้สำหรับบรรจุ ก็ควรรับน้ำหนักได้อย่างเหมาะสมกับตัวของสินค้า เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายในการขนส่ง อาจจะใช้เป็นกล่องขนาดพิเศษ หรือเป็นกล่องไม้ก็ได้ ที่สำคัญข้างกล่องก็ควรเขียนติดเอาไว้ด้วยว่า “สินค้ามีน้ำหนักมาก” เพื่อที่เจ้าหน้าที่ขนส่ง จะได้ระมัดระวังในการขนย้ายมากขึ้น
  3. รูปแบบของการจัดส่ง การ ขนส่งของหนัก อาจจะไม่สามารถใช้บริการเดียวกันการขนส่งสินค้าทั่วไปได้ และบางบริษัทก็มีข้อกำหนดเอาไว้เช่นกัน หากสินค้าน้ำหนักมาก คุณอาจจะต้องใช้บริการขนส่งเจ้าอื่น ที่เน้นขนส่งของหนักโดยเฉพาะ หรืออีกตัวเลือกหนึ่งก็คือการใช้บริการรถรับจ้าง ที่จะเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะไม่ต้องไปรวมถึบสินค้าชนิดอื่น

การคิดค่าบริการในการขนส่ง คิดจากอะไร

การคิดราคาการขนส่ง จะคิดด้วยองค์ประกอบ 3 ข้อก็คือ ระยะทาง,ขนาดของสินค้า,และรูปแบบการจัดส่ง

  • ระยะทาง ระยะทางที่ใกล้-ไกล มีผลกับราคาด้วย โดยทางบริษัทจะมีราคากำหนดเอาไว้ชัดเจนอยู่แลว
  • ขนาดและน้ำหนักของสินค้า สินค้าชนิดใดที่ไม่ได้มีน้ำหนักเกิน จะคิดราคาขนส่งทั่วไป แต่ถ้ามีน้ำหนักเกิน จะคิดกการจัดส่งเพิ่มขึ้น โดยทางขนส่งจะคำนวณออกมาให้ด้วย ว่าราคาควรจะอยู่ที่เท่าไหร่
  • รูปแบบการจัดส่ง ยิ่งคุณเลือกรูปแบบการจัดส่งที่เร็วเท่าไหร่ ราคาของค่าขนส่งก็ย่อมต้องสูงขึ้นไปด้วย

ทั้งหมดนี้ก็เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการ ขนส่งของหนัก ที่ทุกท่านควรรู้ หากคุณมีสินค้าชนิดใดก็ตามที่มีน้ำหนักมาก ก็ควรวางแผนให้รอบคอบก่อนทำการจัดส่ง เพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่สมบูรณ์ และร้านของคุณเองก็จะได้ประหยัดต้นทุนมากที่สุดด้วย ถ้าจัดส่งโดยที่ไม่วางแผนล่วงหน้า บอกเลยว่าเสี่ยงที่จะขาดทุนได้ง่ายมาก